ดรีซ ดี ดี มูร์เป็นหญิงสาวชาวอเมริกันที่เข้าร่วมในธุรกิจรายไดเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปี 2009 แต่ความสำเร็จจากการลงทุนของเธอแทบจะถูกเลือกสตรงจากคดีฆาตกรรมโดยตรงเมื่อปี 2012 ซึ่งทำให้เกิดความสนใจและประชาสัมพันธ์จากสื่อมวลชนสูง รายงานทางสื่อกลายเป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างโจรสลัดอย่างดรีซ ดี ดี มูร์กับผู้ขับขี่รถเมล์อาศัยที่แฟลริดา อเมริกันที่รู้จักในนามว่า "สตีฟ" ดรีซ ดี ดี มูร์ได้เข้ามาเป็นเพื่อนกับสตีฟเมื่อประมาณปี 2010 และได้รู้จักถึงสภาพภายในของสตีฟ ซึ่งเคยใช้ชีวิตในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่บริการและพนักงาน,แต่ความน่าเชื่อถือของเขาถูกทนอดทนและโดยส่วนใหญ่เป็นผลงานจากพอร์ตซึ่งบริการลูกค้าของเขาในตำแหน่งด้านการสื่อสารและภาษาอังกฤษไทย สตีฟเคยเป็นคนเดียวที่ไปยังสวนสนุกยี่สิบเอ็กซ์พริเรียนชื่อดังในเมืองเลกซิงตันและได้เล่าให้รู้จักกับดรีซ ดี ดี มูร์หลังจากที่เขากลับมาในอพาร์ทเมนท์ของเขาในตลาดตกหลังจบการทางเทาก่อนที่จะรอให้เขากินข้าว ไม่นานหลังจากนั้น สตีฟแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมกับดรีซ ดี ดี มูร์ในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมูลค่าสูง ดรีซ ดี ดี มูร์เข้าใจถึงการลงทุนของสตีฟและจึงเห็นถึงโอกาสที่ท้าทายและกำลังใจในการลงทุนดังกล่าว ดังนั้น เธอตกลงที่จะให้สตีฟใช้จำนวนเงินทั้งหมดที่เธอมีเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนนี้ต่อมาก็กลายเป็นคดีฆาตกรรมที่รักษาตัวได้โดยจะมีการฉ้อโกงการหลอกลวงและการฆ่าเป้าหมายที่จะทำให้ดรีซ ดี ดี มูร์สาบสูญและอยู่ในขังคุกในที่สุด คดีของเธอได้รับความสนใจมากจนกระทั่งเกิดเป็นโปรแกรมสื่อกลางที่ชื่อว่า "Death of a Golden Girl" ซึ่งถูกเลือกไปแสดงที่โรงละคร Off-Broadway การเป็นที่จำนองของหนังสือเล่มที่เขียนขึ้นจากเรื่องราวคดีฆาตกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์และความไว้ใจในความสัมพันธ์ธุรกิจ ประสบการณ์นี้เป็นการเตือนให้คนที่อยู่ในวงการธุรกิจระมัดระวังเกี่ยวกับคนที่อาจมีเจตนาไม่ดีและส่งผลกระทบต่อตนเองและธุรกิจของคุณ ดรีซ ดี ดี มูร์เป็นตัวอย่างของคนที่ดำเนินชีวิตอย่างไม่ถูกต้องหลังจากการยอมรับธุรกิจที่สุดและเข้ามาในวงจรที่เฉียบขวางกับโจรสลัด ความเก่งกาจของสตีฟในการล่อคนมาลงทุนได้สร้างความเสียหายให้กับดรีซ ดี ดี มูร์ตลอดชีวิต